Inno aday




Amazon กับการก้าวเข้าสู่


อุตสาหกรรมการแพทย์ 


_____________________________________________________________________

By CHONNIKARN TRIYOS

Updated April 20th, 2018 

เมื่อ 2 เดือนก่อนหลายคนอาจจะเคยเห็นข่าวที่ Amazon จะขายและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาผ่าน Amazon Business แต่เมื่อ 2-3 วันมานี้เอง Amazon ได้ยกเลิกแผนนี้ไป เนื่องจากความซับซ้อนในการขายสินค้าจำนวนมากให้กับรพ.ขนาดใหญ่ และการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์เพื่อส่งมอบยา


Amazon ไม่สามารถโน้มน้าวให้โรงพยาบาลขนาดใหญ่เปลี่ยนกระบวนการจัดซื้อแบบเดิม ที่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางที่มี loyalty กันมานาน นอกจากนี้ Amazon ยังจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้สามารถจัดการกับผลิตภัณฑ์ยาที่ไวต่ออุณหภูมิได้อีกด้วย


แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า Amazon จะละทิ้งธุรกิจด้าน Healthcare ด้านอื่น ๆ ไปด้วย เพราะสิ่งที่ Amazon กำลังทำอยู่ ได้แก่ การขายเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์, ระบบ Cloud และ เทคโนโลยีเสียง 


เวชภัณฑ์ที่ Amazon ขายให้กับรพ.และคลินิก เช่น เครื่องวัดระดับน้ำตาลจากเลือดปลายนิ้ว, ถุงมือ, เครื่องฟังเสียงหัวใจ (หูฟังหมอ) เป็นต้น โดยจะเน้นคลินิกและรพ.ขนาดเล็ก เช่น ศูนย์ทันตกรรม, ศูนย์ผ่าตัดผู้ป่วยนอก เป็นต้น


AWS ธุรกิจคลาวด์ของ Amazon ก็กำลังเสนอบริการให้ลูกค้า Healthcare ต่าง ๆ และกำลังแข่งขันกับ Microsoft Azure และ Google Cloud ของ Alphabet แถมยังสร้างเครือข่ายกับนักลงทุนด้านสุขภาพชั้นนำ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพด้านสุขภาพไว้แต่เนิ่น ๆ อีกด้วย


Amazon ยังเล็งเห็นความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีเสียงเข้ามาใช้ในบ้าน เช่นเดียวกับโรงพยาบาลและคลินิก Echo และ Alexa จะมีบทบาทมากในการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) 


โดยได้เริ่มต้นใช้ Alexa ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับปฐมพยาบาลและคำแนะนำในการดูแลตนเองด้วยเสียง และโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วสหรัฐก็กำลังทดลองใช้ Alexa เพื่อช่วยศัลยแพทย์ตรวจสอบผู้ป่วยเมื่อออกจากรพ.ไปแล้วด้วย


Jeff Bezos เชื่อว่าอุตสาหกรรม Healthcare จะดีขึ้นได้ด้วย Machine Learning และ AI ในการประชุมประจำปี MARS Bezos ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน Healthcare มามากมาย เทคโนโลยีที่น่าสนใจเช่น AI จาก Sonde Health ที่สามารถวินิจฉัยอาการทางจิตใจและร่างกายของผู้ป่วยได้จากการฟังเสียงของผู้ป่วย เป็นต้น


นอกจากนี้ Amazon ยังได้ร่วมมือกับ J.P. Morgan และ Berkshire Hathaway ทั้งสามธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลกเห็นพ้องต้องกันว่า ค่าบริการด้านสุขภาพในสหรัฐฯ แพงหูฉี่ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องแบกรับต้นทุนค่าสวัสดิการด้านสุขภาพพนักงานของตนเองมากเกินไป ทั้งสามจึงวางแผนที่จะจัดการกับปัญหาค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและสวัสดิการของพนักงานร่วมกัน


นับว่าเป็น Joint Venture ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ว่า Amazon และผองเพื่อน จะสามารถบรรลุเป้าหมายในการให้บริการสุขภาพแก่ทุกคนในสหรัฐฯ ได้หรือไม่ และไม่แน่ในอนาคตอันใกล้ เราคนไทยอาจจะได้ใช้บริการด้าน Healthcare ของ Amazon บางอย่างก็เป็นได้ 


ที่มา: CNBC, CNBC, Futurism, HealthcareITNews, MoneyBuffalo