หากเราพูดถึงเรื่องเสื้อผ้ากีฬาแล้ว ทุกคนมักจะนึกถึงแบรนด์ใหญ่ๆเช่น Nike หรือ Adidas ที่ครองตลาดนี้มานานและแข็งแกร่งมากซะจนแบรนด์เล็กๆที่พยายามจะเข้าตลาดจะถูกบริษัทสองยักษ์ใหญ่นี้ซื้อกิจการไป แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีก เมื่อมีเด็กหนุ่มนักกีฬาวัยเพียง 20 ต้นๆที่สร้างบริษัทขึ้นมาเพราะความเบื่อหน่ายจากเสื้อผ้ากีฬาที่ใส่ไม่สบายและราคาแพง

Kevin Plank หรือ ผู้ก่อตั้งบริษัทเสื้อผ้ากีฬา Under Armour ที่ปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจมากถึง 5.6 แสนล้านบาท และในปี 2015 บริษัททำรายได้ที่ 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 29% แต่ก่อนที่เขาจะมายืนตรงจุดนี้ เขาต้องล้มลุกคลุกคลานกับชีวิตที่แสนลำบากและเงินในบัญชีที่แทบจะไม่เหลือเลย

Kevin เกิดมาในครอบครัวที่ยากลำบาก แม่ของเขาต้องเลี้ยงลูกเองทั้งหมด 5 คนโดยลำพังเพราะพ่อของเขาได้เสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก ซึ่งทำให้เขาต้องทำงานตั้งแต่เด็ก และในเวลาเดียวกัน เขาต้องฝึกซ้อมกีฬาอย่างหนักควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากเขามีพรสวรรค์ในด้านกีฬา และกีฬาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้พบกับไอเดียใหม่ เพราะระหว่างฝึกซ้อมนั้นเขารู้สึกว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมมันไม่สบาย แถมมีราคาที่แพง ทำให้เขาผุดไอเดียในการที่จะทำแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่ดีที่สุดในโลก

เพื่อต่อยอดไอเดียของเขา เขาก็ได้ทดลองหาผ้าที่มีคุณสมบัติในการระบายและมีเนื้อผ้าที่บางมาเย็บต่อกัน เขาต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งจนได้สินค้าที่เขาพึงพอใจ หลังจากนั้น Kevin ได้รีบนำเสื้อที่ผลิตออกมารุ่นแรกไปให้ทีมฟุตบอลของเขาลองใช้ ซึ่งผลตอบรับกลับมาดีมากๆ

ในที่สุดในปี 1996 เขาได้เปิดบริษัท Under Armor ด้วยเงินเก็บทั้งชีวิตที่เขามี ประมาณ 16,000 ดอลล่าเหรียญสหรัฐ แต่หลังจากนั้นบริษัทเขาอยู่ในสถานะติดลบถึง 6000 เหรียญ ซึ่งตัวเขาในขณะนั้นไม่สามารถจ่ายได้ เขาจึงไปกู้เงินจากธนาคารมา 100 เหรียญ และมุ่งหน้าไปที่คาสิโน และแน่นอน เขาก็หมดตัวกลับบ้าน

ต่อมาเขาได้รับเงินที่จากการขายเสื้อกีฬาให้มหาวิทยาลัยมาจำนวน 7,500 เหรียญ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่าจะได้เงินก้อนนี้มาทันจ่ายหนี้ที่เขาค้างไว้ โดยคราวนี้เขาได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดและวางแผนใหม่ทั้งหมด ก่อนที่จะปาดน้ำตาหยดสุดท้าย เพื่อที่จะต่อสู้กับอุปสรรคภายหน้าและสานต่อสิ่งที่เขามุ่งมั่น

บทสรุปย่อชีวิตของ Kevin Plank นี้ทำให้เรารู้ว่าก่อนที่เขาจะมาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลระดับโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร Fobes เขาได้ผ่านประสบการณ์มากมายที่ไม่ง่ายเลย ถึงแม้ว่าการที่เขาเกิดมาในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถดถอยเลย เขาเลือกที่จะมุ่งมั่นพัฒนา เผชิญปัญหาและต่อสู้กับมันจนประสบความสำเร็จ

ที่มา

successstory